งานทดสอบดิน Soil Test
งานทดสอบในสนาม
เจาะสำรวจดินและหิน
การสำรวจชั้นดินภาคสนามประกอบด้วยการเจาะสำรวจชั้นดิน (Soil Boring) การทดสอบคุณสมบัติของดินในสนาม (In-situ Tests) และการเก็บตัวอย่างดิน (Soil Sampling) เพื่อนำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการและหาคุณสมบัติทางวิศวกรรม ผลการทดสอบในสนามและในห้องปฏิบัติการ ทำให้สามารถแบ่งชั้นดิน (Soil Profile) ได้ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบทางด้านวิศวกรรมฐานราก
ทดสอบความหนาแน่นของดิน (Field Density Test)
การวัดความแน่นของดินในสนามสามารถกระทำได้ด้วยวิธีการใช้วัสดุแทนที่ โดยมีหลักการคือการขุดหลุมในบริเวณที่ต้องการ จากนั้นนำดินไปชั่งน้ำหนัก และหาปริมาตรของดิน คือวิธี Sand Cone การทดสอบตามมาตรฐานดังนี้ ASTM D 1556
ทดสอบกำลังรับน้ำหนักแบกทานของดิน (Plate Bearing Test)
ค่ากำลังรับน้ำหนักบรรทุกของดิน (Bearing Capacity) เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ใช้ในการคำนวณ ออกแบบฐานรากอาคาร และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ รวมทั้งใช้ในการวิเคราะห์การทรุดตัวของดินเมื่อมีน้ำหนักมากระทำ การทดสอบการรับน้ำหนักบรรทุกของดิน สามารถทำได้ด้วยวิธี Plate bearing test โดยทำการทดสอบที่ได้จากการพัฒนารูปแบบและปรับเปลี่ยนวิธีการ และขั้นตอนของมาตรฐาน ASTM D1194-94
Field Vane Shear Test
การทดสอบแรงเฉือนของดินในสนามเป็นการทดสอบดินที่มีลักษณะเป็นดินเหนียวอ่อนมากถึงดินเหนียวแข็งปานกลาง ในการทดสอบหาค่าแรงเฉือนของดิน (Shear Strength) เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนดินอันเนื่องมาจากการเก็บตัวอย่าง ตามมาตรฐาน ASTM D 2573
Concrete Coring
คอริ่งพื้นคอนกรีตหรือชั้นผิวทางด้วยเครื่องเจาะ Core Drilling Machine เพื่อเปิดหลุมเจาะสำรวจสภาพชั้นดิน
การเก็บตัวอย่างดิน/หิน (Soil/Rock Sampling)
เก็บตัวอย่างดินแบบคงสภาพ (Undisturbed Sampling) ด้วยเครื่องมือ Thin wall Tube
เก็บตัวอย่างดินแบบไม่คงสภาพ (Disturbed Sampling) พร้อมทดสอบ Standard Penetration Test ด้วยตุ้มตอก
เก็บตัวอย่างแท่งหิน (Rock Coring) ด้วยเครื่องมือ NMLC Triple Tube Core Barrel
งานติดตั้งเครื่องมือวัดทางธรณีเทคนิค (Instrument Installation)
งานติดตั้ง Observation Well เพื่อตรวจวัดระดับน้ำใต้ดินและทิศทางการไหลของน้ำใต้ดิน
งานติดตั้ง Piezometer เพื่อวัดแรงดันน้ำใต้ดิน (Pore Water Pressure)
งานติดตั้งเครื่องมือวัดการเคลื่อนตัวของดิน
การตรวจวัดความต้านทานไฟฟ้าจำเพาะของดิน (Electrical Soil Resistivity Test)
การตรวจวัดความต้านทานไฟฟ้าจำเพาะของดิน ใช้วิธีจัดขั้วไฟฟ้าสี่จุดแบบเวนเนอร์ (Four-Point Wenner array) ตามมาตรฐาน ASTM G57 อุปกรณ์การทดสอบประกอบด้วย แหล่งพลังงาน (Battery), เครื่องวัดกระแสไฟฟ้า (Ammeter), เครื่องวัดความต่างศักย์ไฟฟ้า (Potentiometer) และแท่งอิเล็กโทรด ค่าที่ตรวจวัดได้คำนวณหาค่าความต้านทานไฟฟ้าจำเพาะปรากฏ (Apparent Resistivity)
งานทดสอบในห้องปฏิบัติการ (Laboratory Test)
การทดสอบต่างๆ ในห้องปฏิบัติการให้ถือตามมาตรฐาน ASTM
หาขนาดเม็ดดินด้วยตะแกรงมาตรฐาน
(Sieve Analysis Test)ทดสอบขีดจำกัดของอัตเตอร์เบอร์ก
(Atterberg's Limit Test)ทดสอบแรงอัดแบบไม่ถูกจำกัดด้านข้าง
(Unconfined Compression Test)หน่วยน้ำหนักของดิน
(Unit Weight )ความชื้นของดิน
(Natural Water Content)
หนังสือรายงานเจาะสำรวจ (Technical Report)
ให้ทำหนังสือรายงานจำนวน 3 ชุด ซึ่งต้องประกอบด้วย
วิธีการเจาะสำรวจและการทดลองทุกชนิดอย่างย่อๆ
แผนผังหลุมเจาะ
Cross sections of subsoil profiles
Boring Log แสดง Soil Profile, Standard Penetration Test
Index Properties ประกอบด้วย Atterberg Limits, Water Content, Unit Weight และ Plasticity Index จะแสดงเป็นกราฟหรือตาราง
Unconfined Compression Shear Strength จะแสดงค่า Maximum Shear Strength
แนะนำค่าความแบกทานของดินบริเวณโครงการ โดยแสดงเป็นกราฟดังนี้
- Ultimate Bearing Capacity VS Depth
- Ultimate Total Pile Shaft Friction VS Depthข้อแนะนำสำหรับการออกแบบฐานรากที่เหมาะสมจากผลของการสำรวจนี้ ในกรณีที่ควรเป็นเสาเข็มให้คำนวณกำลังการรับน้ำหนักของเสาเข็มตอกและเสาเข็มเจาะ